ULTRA ENERGY NOW
-
*Ultra Energy Now 24 h. ( 1 กล่อง มี 24 ซอง ซองละ 3 เม็ด )*
[image: ultra energy now 1]
*กระชับสัดส่วน เผาผลาญไขมันในร่างกาย ทลายพุงอย่างเหลือเชื่อ สมุนไพรธร...
วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557
Pomeganate from seed – 1,000 mg / 90 Caps
850 บาท
Pomeganate From Seed : เป็นสารสกัดธรรมชาติจากเมล็ดทับทิมที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่โบราณ อีกทั้งพืชที่ประโยชน์มากมายมหาศาล ปัจจุบันถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์และกลุ่มเวชสำอางค์กันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะเรื่องการควบคุมน้ำหนักและการดูแลผิวพรรณ สำหรับการรักษาโรคจะเน้นในเรื่องของการเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระในเรื่องการยับยั้งการเติบโตและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง รักษาเรื่องโรคหัวใจ บำรุงไต ฟอกโลหิต ขจัดสารพิษในตับ บำรุงกำลังและสมอง อีกทั้งยังมีคุณสมบัติต่อต้านภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ สำหรับรายละเอียดอีกมากมาย ขอรีวิวให้อ่านเพื่อเป็นประโยชน์ในการให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพและข้อเท็จจริงที่หลายท่านยังไม่เคยทราบ
เรื่องของ ทับทิม Pomegranate
ผลไม้ผลกลม ๆ มีหนังเหนียวนี้เต็มไปด้วยเมล็ดที่เบียดกันแน่นเต็มในผล ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินเอ, ซี, อี และธาตุเหล็ก ทับทิมมีการเพาะปลูกตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แม้ว่ามันจะเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเปอร์เซีย แต่มันได้กระจายไปทุกที่ จากสเปนไปจนถึงแคลลิฟอร์เนีย แม้แต่มีบทบาทอย่างมากในเทพนิยาย โดยมันเป็นสัญลักษณ์ของการเกิด ชีวิตชั่วนิรันดร์ และความตาย เพราะมันอุดมไปด้วยเมล็ดมากมาย และความสามารถในการเจริญพันธุ์ สีแดงของทับทิมถูกคิดเชื่อมโยงไปถึงเลือด สีต้องห้าม ซึ่งมันถูกเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับความปรารถนาต้องห้าม
ชาวอียิปต์โบราณถูกฝังพร้อมกับทับทิมในความเชื่อเรื่องการกลับมาเกิดใหม่ ปัจจุบัน ประเพณีของกรีกใช้ทับทิมในงานแต่งงานให้เป็นสัญลักษณ์ของการสืบพันธุ์ที่สมบูรณ์ ในจีน มีการกินเล็ดทับทิมในวันให้ศีลให้พรของงานแต่งงาน ทับทิมถูกใช้เป็นยาพื้นบ้านของตะวันกลาง อิหร่านและอินเดีย มานาน หมอชาวบ้านใช้เปลือกไม้ ใบไม้ และเปลือกของมัน ในการรักษาโรคเกือบทุกโรค ตั้งแต่ โรคตาแดงไปจนถึงริดสีดวงทวาร น้ำต้มเปลือกทับทิมกล่าวว่าช่วยแก้เจ็บคอ และยาพอกจากใบของมันเมื่อเอามาทาที่หนังศีรษะ จะช่วยแก้อาการหัวล้านได้ นอกจากนั้นน้ำทับทิมยังเหมาะสำหรับคนตั้งครรภ์ เพราะมันอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก มันช่วยให้ร่างกายเย็นลงและดีสำหรับล้างระบบในร่างกาย
การปรุงอาหารของชาวเอเชียกลางและตะวันออกกลาง มักใช้ผลไม้เป็นส่วนประกอบ ในประเทศอาเซอร์ไบจัน ซอสทับทิม ที่เรียกว่า Narsharab ถูกเสิร์ฟพร้อมกับปลาสเทอจินสอดไส้ ในจอร์เจียใช้เมล็ดทับทิมเป็นส่วนประกอบในสลัดหรืออาหารจานเนื้อ ในอิหร่าน อาหารที่ชื่อว่า Ferenjan ประกอบด้วยน้ำทับทิมเข้มข้น มันประกอบไปด้วยเมล็ดวอลนัท คั่วจนเหลือง หอมทอด และเนื้อเป็ดหรือไก่ ตามด้วยซอสน้ำทับทิม มันเป็นส่วนผสมที่น่าพิศวงแต่อุดมไปด้วยคุณค่า
ทางฝั่งตะวันตก ผลไม้นี้ยังถูกมองว่าเป็นของแปลก มีนักเขียนเกี่ยวกับอาหารกล่าวว่า มันเป็นผลไม้ที่มีความหวานและเปรี้ยวที่ลงตัวกว่าผลไม้ใด ๆ
ทับทิม (Pomegranate) ชื่อท้องถิ่น เซี๊ยะลิ้ว, พิลา, พิลาขาว, มะก่องแก้ว, มะเก๊าะ, หมากจัง เป็นไม้ผลขนาดเล็ก มีขนาดประมาณ 5-8 เมตร แพร่กระจายออกไปทั้งในเขตร้อน (tropical) และกึ่งร้อน (Sub-tropical) ของทวีปเอเชีย ยุโรป รวมทั้งในทวีปแอฟริกาด้วย ทับทิมชอบอากาศหนาวเย็นและอยู่บนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะอย่างน้อย 300 เมตร ยิ่งอากาศหนาวเนื้อทับทิมจะมีสีแดงเข้มมากขึ้น ส่วนที่เรียกทับทิมหนูเป็นทับทิมเช่นกันแต่ต่างสายพันธุ์ สูงเต็มที่ไม่เกิน 120 เซนติเมตร มีดอกสีแดงตลอดปี นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
สันนิษฐานกันว่าต้นกำเนิดของทับทิมนั้นอยู่ในแถบเอเชียตะวันตกหรือดินแดนที่เรียกกันว่าเปอร์เซีย (ปัจจุบันก็คืออิหร่าน) มีมานานหลายพันปีแล้วเพราะปรากฏในบันทึกมากมายในสมัยนั้น เช่น เทวตำหนักกรีก การแพทย์แผนโบราณของอียิปต์ คัมภีร์ไบเบิล เป็นต้น โดยได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรค
ในตำรับการแพทย์โบราณของเปอร์เซียระบุว่า ทับทิมมีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยฟอกไตและท่อปัสสาวะ ช่วยการทำงานของหัวใจและตับ เป็นยาบำรุงกำลัง ฟอกโลหิต ช่วยในการย่อยอาหารขจัดไขมันส่วนเกิน ปรับฮอร์โมนในสตรีวัยทอง ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ป้องกันโรคขี้หลงขึ้ลืมและช่วยให้ผิวพรรณดี
ทับทิมกับ…ความเชื่อ
ทับทิม มีบทบาทอย่างมากในตำนานต่างๆ ของหลายประเทศ เป็นสัญลักษณ์ของการเกิด ความสามารถในการเจริญพันธุ์ ชีวิตชั่วนิรันดร์ และความตาย เพราะทับทิมมีเมล็ดมากมาย อาทิเช่น ชาวกรีกใช้ทับทิมในงานแต่งงานเป็นสัญลักษณ์ของการดำรงเผ่าพันธุ์ ชาวยิวถือว่าทับทิมเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า เด็กที่กินผลทับทิมจะปลอดภัยจากภูตผีปีศาจทั้งปวง ชาวฮินดูเชื่อ ว่า ทับทิมเป็นผลไม้โปรดของพระพิฆเณศจึงนิยมนำผลทับทิมไปถวาย และใช้ดอกทับทิม บวงสรวงบูชาพระอาทิตย์ พระนารายณ์ และเทวีลักษมี อีกด้วย
ทับทิมเป็นผลไม้มงคลของจีน กิ่งใบทับทิมเป็นใบไม้สิริมงคลที่ใช้ทุกงานที่มีน้ำมนต์ประกอบพิธี โดยจะใช้พรมน้ำมนต์และ มีไว้ติดตัวเพื่อคุ้มครองกันภัย มีเรื่องเล่าว่า เพราะเป็นพันธุ์ไม้ที่ถูกนำมาเผยแพร่ในเมืองจีนพร้อมกับ พระพุทธศาสนา ซึ่งประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า ” พระถังซัมจั๋ง ” ได้ไปอาราธนาพระไตรปิฎกที่อินเดีย ท่านได้นำพันธุ์ไม้ต่างๆ มาด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือทับทิม ด้วยความที่ทับทิมมีเมล็ดมาก จึงสื่อความหมายถึงการ ให้มีลูกชายมากๆ
ชาวจีน ถือว่าต้นทับทิมเป็นไม้มงคลโดยเฉพาะทับทิมชนิดดอกสีขาวและเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความอุดมสมบูรณ์ ใบและกิ่งของทับทิมจะช่วยขจัดและขับไล่ภูติผีปีศาจได้ จึงนิยมปลูกทับทิมไว้บริเวณบ้าน และใช้ใบทับทิมแช่น้ำล้างหน้า ล้างมือ หลังกลับจากงานศพเพื่อมิให้วิญญาณติดตามเข้ามาในบ้าน นอกจากชาวจีนยังมีความเชื่อว่า หากนำทับทิมเป็นของขวัญแต่คู่บ่าวสาวก็จะทำให้มีลูกหลายมากมาย ทับทิมมีเมล็ดมาก จึงสื่อนัยถึงการมีบุตรชายหลายคน ในพิธีแต่งงานชาวจีนจะปักยอดทับทิมไว้ที่ผมเจ้าสาว และให้ผลทับทิมเป็นของขวัญแก่บ่าวสาว
ตำรับการแพทย์แผนไทยได้บอกถึงสรรพคุณและประโยชน์ของทับทิมว่า
ใบ มีรสฝาด แก้ท้องร่วง แก้บิดมูกเลือด สมานแผล ดอก มีรสฝาดหวาน ต้มดื่มแก้หูชั้นในอักเสบ บดโรยแผลที่มีเลือดออก เนื้อมีรสหวานอมเปรี้ยวเป็นยาระบายอ่อน ๆ บำรุงหัวใจ เปลือกมีรสฝาด ต้มดื่มแก้ท้องร่วง แก้บิดมูกเลือด ถ่ายพยาธิ แก้ตกขาว สมานแผล ฆ่าเชื้อโรค เปลือกราก ต้มดื่มแก้ระดูขาว แก้ตกเลือด ถ่ายพยาธิ
ส่วนตำรับสมุนไพรจีนถือว่าทับทิมมีฤทธิ์เย็น รสหวานอมเปรี้ยวจึงช่วยแก้กระหาย ป้องกันโลหิตจางระงับกลิ่นปาก ลดไข้ แก้ตาอักเสบ หลอดลมอักเสบ และบำรุงตา
ทับทิม…แพทย์ทางเลือก แพทย์แผนไทย
1. บาดแผลจากเชื้อรา แผลเรื้อรังที่ผิวหนัง ให้ใช้เปลือกรากพอประมาณ นำมาต้มใช้น้ำล้างแผล
2. บิดเรื้อรัง หรือถ่ายเป็นเลือด ใช้เปลือกผิงไฟให้เกรียม นำมาบดให้ละเอียด ประมาณ 3-6 กรัม ผสมกับน้ำข้าวกิน หรือมะเขือยาว 1 ลูก แล้วต้มดื่ม
3. โรคผิวหนังเรื้อรัง น้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ คั่วหรือผิงให้เกรียม บดละเอียดผสมน้ำมันพืช ทาบริเวณแผล หรือจะใช้เปลือกและสารส้มในปริมาณเท่าๆ กัน บดให้ละเอียด ทาบริเวณรอยโรค
4. เท้าที่เป็นแผลเน่าเรื้อรัง นำเปลือกมาต้มเคี่ยวน้ำให้เหลว แล้วปล่อยให้ตกตะกอน ใช้ทาบริเวณแผลเป็นทุกวัน
5. แก้เลือดกำเดาไหลไม่หยุด ดอกทับทิมสด โขลก หรือหั่นให้เป็นฝอย แล้วใช้อุดจมูก
6. ขับพยาธิตัวกลมและตัวตืด ให้ใช้เปลือกรากที่แห้งแล้วประมาณ 18 หรือ 25 กรัม นำมาตำให้ละเอียดแล้วใช้ต้มน้ำกิน หรือรินเอาน้ำต้มใส่ข้าวข้นๆ กินก่อนอาหาร
7. หญิงที่เป็นระดูขาว หรือตกเลือดมากผิดปกติ ให้ใช้รากที่สดประมาณ 1 กำมือ นำมาเผาไฟให้เกรียม จากนั้นเอาไปต้มหรือเคี่ยวกับน้ำให้ข้น ใช้กินครั้งละ 1 แก้ว
8. แผลที่ถูกคมมีดหรือของมีคมทุกชนิดที่มีเลือดไหล ใช้ดอกที่แห้งแล้วนำมาตำให้ละเอียด แล้วใช้พอกบริเวณที่เป็นแผล
แม้โดยส่วนใหญ่จะพบว่าทับทิมมีประโยชน์ใช้ได้ง่าย และหาได้ง่าย แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้เช่นกัน คือ
1.เป็นบิด ท้องเสีย หรือท้องผูก ไม่สมควรใช้เปลือกรากเป็นยาแก้
2.การใช้เปลือกรากเป็นยาแก้ ควรจะใช้อย่างระมัดระวังให้มาก เพราะเปลือกรากมีพิษ
ถึงแม้จะรู้จักกันมาหลายพันปีแล้วว่า ทับทิมเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้หลายชนิด แต่ก็ไม่ค่อยมีใครชอบกินทับทิม เหมือนผลไม้อื่น ๆ แค่นำมาใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้นอาจเป็นเพราะว่าทับทิมมีเนื้อน้อยก็เป็นได้ บ้านเราจึงไม่ค่อยมีใครปลูกขายมีแต่ปลูกเป็นไม้ประดับตามบ้าน ทับทิมก็เลยกลายเป็นผลไม้หายากค่อนข้างมีราคาแพง แต่ปัจจุบันมีทับทิมจากประเทศจีนส่งเข้ามามากและมีราคาถูกจึงถือเป็นโอกาสดีของผู้บริโภค แต่ถ้ายังหาซื้อรับประทานลำบากก็น่าจะหาต้นมาปลูกเลยก็ได้ค่ะ เพราะประโยชน์คุ้มทั้งต้นใบดอกราก
อเนกอนันต์ มหัศจรรย์คุณประโยชน์…ทับทิม Pomegranate
ผลทับทิมใช้รับประทานสดเป็นผลไม้ รสหวานหรือเปรี้ยวอมหวาน น้ำทับทิมมีวิตามินซีสูง ทั้งยังมีสารเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณที่สูง
น้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูง สามารถลดภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง บรรเทาโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลังและความงาม ดื่มน้ำทับทิมคั้นวันละแก้วจะช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด ลดการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง และช่วยเสริมสุขภาพของหัวใจให้ดีขึ้น
การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาพบว่า น้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูง สามารถลดภาวะการสะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัว ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา รวมทั้งทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีมีความหนาตัวลดลงและลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย ช่วยบำรุงหัวใจในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดโดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้นและลดภาวะหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ นอกจากนี้สารจากทับทิมยังช่วยบำรุงตับมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับและยับยั้งเซลล์มะเร็งอีกด้วย
เปลือกทับทิมรักษาโรคท้องเดินและโรคบิด
การทดลองทางเภสัชวิทยาพบว่า เปลือกหุ้มรากทับทิมมีฤทธิ์ในการขับพยาธิตัวตืด นอกจากนี้เปลือกหุ้มรากยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อได้หลายชนิด เช่น เชื้อไทฟอยด์ เชื้อวัณโรค เป็นต้น และยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่ผิวหนังด้วยจากการศึกษาวิจัยพบว่าในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูง 22-25% โดยประกอบด้วยสารแทนนินในกลุ่ม มี Gallotannin เปลือกทับทิมตากแห้งใช้เป็นยาแก้ท้องเดินและโรคบิดได้ นอกจากนี้ยังพบสารแทนนินในกลุ่ม Ellagictannin ในปริมาณสูง สารในกลุ่มนี้มีคุณสมบัติเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่ดี โดยมีสรรพคุณลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้านมะเร็งกว่า 13 ชนิด ไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบว่ามีคุณสมบัติในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร และลำไส้ใหญ่ ซึ่งพบว่าการให้กรดเอลลาจิกกับสัตว์ทดลอง สารดังกล่าวจะไปเร่งการเจริญของเซลล์มะเร็งแบบอะมอพโดซีส (Amoptosis) ทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายโดยกลไกการแตกตัวของตัวมันเองได้
จากตำรับการแพทย์โบราณของเปอร์เซียระบุว่า ทับทิมมีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยฟอกไตและท่อปัสสาวะ ช่วยการทำงานของหัวใจและตับ เป็นยาบำรุงกำลัง ฟอกโลหิต ช่วยในการย่อยอาหารขจัดไขมันส่วนเกิน ปรับฮอร์โมนในสตรีวัยทอง ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ป้องกันโรคขี้หลงขึ้ลืมและช่วยให้ผิวพรรณดี ซึ่งการศึกษาวิจัยในระยะหลังก็ช่วยยืนยันถึงสรรพคุณทางยาและประโยชน์ของทับทิมไว้มากมาย ได้แก่ ในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูงมีสรรพคุณใช้เป็นยาแก้ท้องเดิน โรคบิด ฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายสิบชนิด ลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้าน และยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิดไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อลูกหมาก เป็นต้น
การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาพบว่า ในน้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูง สูง สารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้เซลล์ของร่างกาย (โดยเฉพาะเซลล์ไขมันที่เต้านม) มีความแข็งแรง เกิดภูมิคุ้มกันขึ้นภายในเซลล์ ทำให้เซลล์มีความต้านทานต่อพิษของสารก่อมะเร็ง จึงสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้ ในกรณีที่คนป่วยเป็นมะเร็งเต้านมแล้ว สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมจะช่วยยับยั้งเซลล์ มะเร็งไม่ให้แพร่กระจายลุกลามมากขึ้น
นอกจากนี้ น้ำทับทิมยังช่วยลดภาวะการสะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัว ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา รวมทั้งทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมลดลง ทั้งยังบำรุงหัวใจในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด โดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้นและลดภาวะหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ นอกจากนี้สารจากทับทิมยังช่วยบำรุงตับ มีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับและยับยั้งเซลล์มะเร็งอีกด้วย
คุณค่าสารต้านอนุมูลอิสระ
น้ำทับทิมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระดีมาก เกิดจากจากสารกลุ่มโพลีฟีนอลและแอนโทไซยานินปริมาณสูงที่พบในน้ำทับทิม น้ำทับทิมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเป็น 3 เท่าของไวน์แดงและชาเขียว และสูงกว่าน้ำบลูเบอร์รี น้ำแครนเบอร์รีน้ำองุ่นสีม่วง และน้ำผลไม้ชนิดอื่น ๆ เป็นที่ทราบกันดีว่า สารโพลีฟีนอลสามารถยับยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี หรือแอลดีแอล-คอเลสเตอรอล (LDL-C, low densitylipoprotein cholesterol) ลดการสร้างโฟมเซลล์ และลดการแข็งตัวของหลอดเลือด
การศึกษาทางคลินิกพบว่าน้ำทับทิมมีผลดีต่อการป้องกันการเกิดโรคหัวใจ น้ำทับทิมลดความข้นของเลือดจากภาวะไขมันสูง งานวิจัยชิ้นหนึ่งกล่าวว่าน้ำทับทิมเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้เลือดสูบฉีดไปยังหัวใจได้ดีขึ้น ด้วยการลดความหนาของผนังหลอดเลือดคาโรติด ทั้งยังช่วยในเรื่องการทำงานของไนตริกออกไซด์ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบผ่อนคลาย ลดภาวะการแข็งตัวของหลอดเลือดจากสาเหตุไขมันในเลือดสูง ลดความดันเลือด หยุดการสะสมของไขมัน และสลายไขมันที่สะสมอยู่ในหลอดเลือด
อนุมูลอิสระเป็นตัวทำให้คอเลสเตอรอลมีการเปลี่ยนแปลงโดยปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งคอเลสเตอรอลที่เปลี่ยนแปลงนั้นจะไปเร่งการแข็งตัวของหลอดเลือด น้ำทับทิมช่วยลดปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระลงได้ครึ่งหนึ่ง สามารถลดปริมาณไขมันไม่ดีหรือคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีที่ทำให้เกิดหลอดเลือดอุด ตันซึ่งนำไปสู่อาการโรคหัวใจ นอกจากนี้น้ำทับทิมยังลดปริมาณพลัค(plaque)*** ในหลอดเลือดแดงใหญ่ และเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลดีอีกด้วย
****ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว (Atherosclerosis) คือการอักเสบเรื้อรังของเส้นเลือดที่ทำให้หลอดเลือดมีความหนาตัวขึ้น มีไขมันและหินปูนไปเกาะ มีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะที่สำคัญของร่างกายไม่เพียงพอ ซึ่งผู้ป่วยอาจไม่มีอาการ แต่ถ้าภาวะหลอดเลือดแข็งตัวเป็นมาก ก็จะทำให้มีอาการของอวัยวะขาดเลือดเมื่อมีการใช้งานมาก เช่น อาการเจ็บหน้าอกหลังจากออกกำลังกาย หรืออาการปวดขาหลังจากเดินนาน ๆ
บริเวณพื้นผิวภายในของหลอดเลือดที่มีไขมันไปเกาะอยู่ เรียกว่า plaque*** ซึ่งบางครั้งจะเกิดการแตกของ plaque และตามมาด้วยการเกาะของเกล็ดเลือด ส่งผลให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดโดยเฉียบพลัน และทำให้มีภาวะขาดเลือดของอวัยวะที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น ภาวะหัวใจหรือสมองขาดเลือด
ป้องกันและรักษามะเร็ง
น้ำทับทิมมีผลลดการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งผิวหนัง งานวิจัยพบว่า น้ำทับทิมสดและน้ำทับทิมที่ผ่านการหมัก มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมและมะเร็งผิวหนัง เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านมจำนวนหนึ่งมีฤทธิ์เป็นเอสโทรเจนจากพืช
เอลลาจิแทนนินเป็นสารโพลีฟีนอลสำคัญที่พบอยู่ในน้ำทับทิมปริมาณมาก เมื่อผ่านเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนสภาพเป็นกรดเอลลาจิกซึ่งจะถูกแบคทีเรียในร่างกายมนุษย์เปลี่ยนเป็นอนุพันธ์ของสารยูโรลิทินเอ (urolithin A derivative) ต่อไป ซึ่งสาร Urolithin A derivative ดังกล่าว มีคุณสมบัติทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหารและลำไส้ใหญ่ สารดังกล่าวจะไปยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้มีการแบ่งตัวเพิ่มมากขึ้น คือเซลล์มะเร็งมีปริมาณเท่าเดิมไม่ขยายวงกว้างขึ้น สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมจะไปดูแลเซลล์ดีที่อยู่รอบๆ เซลล์มะเร็ง ให้มีความแข็งแรงและมีภูมิต้านทาน เซลล์มะเร็งจึงลุมลามมาทำอันตรายไม่ได้หรือได้น้อย
น้ำทับทิมมีคุณสมบัติทำให้ผิวหน้าเต่งตึงได้ ใช้น้ำทับทิมประมาณ 1 ช้อนชาทาบนใบหน้า ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น นอกจากนี้การดื่มน้ำทับทิมยังช่วยให้ผิวสวยจากภายใน โดยคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระจะป้องกันผิวจากการทำลายของรังสีอัลตราไวโอเลต อีกทั้งเสริมสุขภาพโครงสร้างเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นนอกด้วย
เชื่อกันว่าน้ำทับทิมบรรเทาอาการแพ้ท้องในสตรีมีครรภ์ ปรับฮอร์โมนวัยหมดประจำเดือน เสริมสุขภาพทางเพศให้ท่านชาย ช่วยบำบัดโรคเบาหวาน และป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ ถ้ามีข้อมูลด้านงานวิจัยสนับสนุนความเชื่อเหล่านี้จะได้นำมาเสนอในโอกาสต่อไป
นักวิทยาศาสตร์ในอิสราเอล กล่าวว่าการดื่มน้ำทับทิมวันละแก้วจะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
ศาสตราจารย์ Michael Auiram ผู้นำทีมการศึกษากล่าวว่า น้ำทับทิมมีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำผลไม้ชนิดอื่น ไวน์แดงและชาเขียว นี่เป็นข่าวดีที่สารต่อต้านอนุมูลอิสระที่พบในพืช เป็นสารจากธรรมชาติที่ช่วยปกป้องร่างกายเราจากอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระ หรือ free radicals จะเป็นตัวทำให้คอเลสเตอรอลมีการเปลี่ยนแปลงโดยปฏิกิริยา oxidation ซึ่งคอเลสเตอรอลนั้นจะไปเร่งการแข็งตัวของหลอดเลือด
การศึกษาที่ Rambam Medical Center ใน Haifa พบว่าน้ำทับทิมช่วยทำให้ปฏิกิริยา oxidation ของคอเลสเตอรอลเกิดช้าลงครึ่งหนึ่ง และช่วยลดปริมาณ LDL ลงด้วย (LDL เป็นคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี ที่ทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน ซึ่งนำไปสู่โรคหัวใจ)
สารต่อต้านอนุมูลอิสระจะช่วยป้องกันเราจากสิ่งต่างๆที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาoxidattion ในโลกแห่งโรงงานอุตสาหกรรมอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้เช่นมลภาวะสารเคมีไวรัสแบคทีเรียและผลจากโรคหัวใจและมะเร็ง
งานวิจัยเน้นไปที่ประชาชนคนที่มีสุขภาพของหลอดเลือดดีอยู่ นักวิจัย Dr. Richard Bogle กล่าวว่า ทับทิมประกอบไปด้วยสาร Polyphenolic, Tannin และ Anthocyanin สารทั้งหมดมีผลที่ดีต่อร่างกาย เขากล่าวว่า การศึกษานี้เป็นการทดสอบแนวความคิดที่ว่า การดื่มน้ำคั้นจากทับทิมวันละแก้ว จะช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด ลดการแข็งของหลอดเลือดแดง และมีสุขภาพหัวใจที่ดีขึ้น การศึกษาในขั้นต้นพบว่า น้ำทับทิมอาจประกอบไปด้วยสารที่มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากถึงเกือบ 3 เท่า เมื่อเปรียบเทียบดับชาเขียวและไวน์แดงในปริมาณที่เท่ากัน
โพลีฟีนอล- Pholyphenols
เอลลาจิแทนนินเป็นสารโพลีฟีนอลสำคัญที่พบอยู่ในน้ำทับทิมปริมาณมาก เมื่อผ่านเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนสภาพเป็นกรดเอลลาจิกซึ่งจะถูกแบคทีเรียในร่างกายมนุษย์เปลี่ยนเป็นอนุพันธ์ของสารยูโรลิทินเอ (urolithin A derivative) ต่อไป
โพลีฟีนอล (Pholyphenols) คือสารเคมีมีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพคือ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง ลดระดับของ cholesterol และ triglyceride ในเลือด กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ต้านแบคทีเรีย ไวรัส ป้องกันฟันผุ
1. คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ : สารจำพวก Catechins น่าจะเป็นสารในชาที่มีศักยภาพในด้านประโยชน์กับสุขภาพมากที่สุด ฤทธิ์ของสารพวกนี้ คือ เป็น antioxidant ที่ช่วยจัดการ ions ของโลหะหนัก, oxygen species และ อนุมูลอิสระ จากการศึกษาพบว่า EGCG สามารถยับยั้งการทำงานของ Lipoxygenase ในถั่วเหลือง (IC 50=10-20 µMn) (Ho et al, 1892) นอกจากนั้น EGCG ยั้งสามารถยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของเบสในดีเอ็นเอของ Hela cells (Bhimani et al, 1993) ยับยั้งการเกิด oxidation ของ low-density lipoprotein (LDL)(Miura etal,1995) ลดการเกิด Peroxidation ของไขมัน (Yochino et al,1944) ยับยั้งการสร้าง reactive oxygen species (ROS) ที่ได้จาก NADPH (Blazovics et al, 2000) EGCG ที่เข้มข้นต่ำๆ ยังสามารถยับยั้งการเกิดความเสียหายของดีเอ็นเอของ Jurkat T-cell โดย Hydrogen peroxide และ 3-morpholinosydnonimine อย่างไรก็ตาม EGCG ที่มีความเข้มข้นสูงสามารถจะทำให้เกิดการทำลายดีเอ็นเอของเซลล์ได้ (Johnson and Loo, 2000)
2. คุณสมบัติต้านมะเร็ง : จากการศึกษาพบว่า polyphenols จะไปยับยั้งการทำงานของระบบเอนไซม์ cytochrome P-450 (phase I enzyme) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการเกิดสารก่อมะเร็ง (Hazaniya et al, 1997) นอกจากนี้ยังพบว่า polyphenols ช่วยการทำงานของ phase II enzyme เช่น glutathione transferase ซึ่งระบบเอนไซม์นี้มีความสำคัญในการจำกัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย (McCarty, 1997; Mukhtar and Ahmad, 1999) EGCG เชื่อว่าสามารถยับยั้งการเกิดมะเร็งโดยไปยับยั้งการทำงานของ urokinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่พบบ่อยที่สุดในการเกิดมะเร็งในมนุษย์ (Nakachi et al, 1998) อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ถูกพบว่าความเข้มข้นที่ใช้ของ EGCG เพื่อก่อให้เกิดผลดังกล่าวสูงมากกว่าปริมาณ EGCG ที่พบในชามาก (Mukhtar and Ahmad, 1999)
Polyphenols สามารถยับยั้งปฏิกิริยาการเกิด nitrosamines ได้ทั้ง in vitro และ in vivo (Tanaka et al, 1998; Wang and Wu, 1991; Wu et al, 1993) และสามารถลดการจับของสารก่อมะเร็งกับดีเอ็นเอ (Katiyar et al, 1992)
Polyphenols ทำให้เกิดการเพิ่มการทำงานของ glutathione peroxidase และ catalase ในลำไส้, ตับ และปอดของหนูทดลอง ซึ่งเอนไซม์พวกนี้จะไปยับยั้งการผลิต peroxide ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอ
Polyphenols ยังช่วยส่งเสริมการเกิด apoptosis ของ cancer cell lines ของต่อมลูกหมาก, ต่อมน้ำเหลือง, ลำไส้ใหญ่ และปอด (Taraphder et al, 2001) ซึ่งการควบคุม apoptosis นี้ น่าจะเป็นประโยชน์ในการจัดการรักษาและป้องกันมะเร็งได้ ซึ่งจากการศึกษาหลายแหล่งพบว่า polyphenols น่าจะช่วยให้เกิด apoptosis ได้ โดยการลดการสร้าง tumorneurosis facter (TNFα) (Fujiki et al,1998; Fujiki et al, 2000; Mukhtar and Ahmad, 1999; Siro and Young, 2000; Sueoka et al, 2001; Sun et al, 2002)
มะเร็งที่เกิดในมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากสารก่อมะเร็งที่มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในดีเอ็นเอ Polyphenols นั้นสามารถกระตุ้นการซ่อมแซมดีเอ็นเอ โดยการเกิด nucleotide oxidation ซึ่งจะกำจัดเบสของดีเอ็นเอที่ผิดปกติ (Miyajima and Hara, 1999) นอกจากนั้นโครงสร้างของ Polyphenols นั้นยังเป็น nucleophilic ซึ่งจะไปทำปฏิกิริยากับสารก่อมะเร็งที่เป็น electriphilic ซึ่งจะทำให้เป็นการป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง (Kim and Masuda, 1997)
EGCG มีผลยับยั้งการเกิด nitric oxide (NO) ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่ทำให้เกิดการอักเสบและการเกิดมะเร็ง โดย EGCG จะไปยับยั้งการสร้างสาร nitric oxide synthase (NOS) โดยการลดการสร้าง transcription factor ของ NOS (Mukhtar and Ahmad, 1999)
3. คุณสมบัติป้องกันโรคหัวใจ : polyphenols สามารถช่วยลดการเกิด oxidation ของ low-density lipoprotein (LDL) cholesterol ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ (Weisburger, 1999) นอกจากนี้ยังพบว่าชาเขียวสามารถช่วยลดปริมาณ LDL, very low-density lipoprotein (VLDL) และ triglyceride (Muramatsu et al, 1986) และยังช่วยเพิ่มปริมาณ high-density lipoproteins (HDL) ในกระแสเลือด (Yokozawa et al, 2002) ซึ่งการมีปริมาณ triglyceride ต่ำ และ HDL สูงนี้สะท้อนถึงสุขภาพของระบบหัวใจที่ดี นอกจากนี้ยังพบว่า polyphenols ช่วยความคุมความดันโลหิตสูง โดยไปยับยั้ง angiotensis-I converting enzyme (ACE)
4. คุณสมบัติต้านโรคเบาหวาน : การศึกษาในหนูทดลอง พบว่า polyphenols สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูที่เป็นเบาหวาน (Gomes et al, 1995) polyphenols ลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยยับยั้งการทำงานของ amylase ซึ่งเป็นเอนไซม์ย่อยแป้ง polyphenols ยับยั้งการทำงานของ amylase ทั้งในน้ำลายและลำไส้ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือ แป้งจะถูกย่อยช้าลง ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือดเป็นไปอย่างช้าๆ นอกจากนั้นชาเขียวยังลดการดูดซึมของกลูโคสที่ลำไส้ (Deng and Tao, 1998; Gomes et al, 1995)
5. คุณสมบัติป้องกันฟันผุ : Polyphenols ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งมีทั้งแบคทีเรียที่ก่อโรคในช่องปาก Porphyromonas gingivilis และ แบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุ Stretococcus mutans (Hara, 1997; Sakanaka, 1997)
นอกจากนuhการที่ polyphenols ยับยั้งการทำงานของ amylase ในน้ำลาย ช่วยให้การผลิตกลูโคสและมอลโตสน้อยลง ลดปริมาณอาหารของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฟันผุ นอกจากนี้ยังช่วยให้เคลือบฟันแข็งแรงต้านทานการผุ
6. คุณสมบัติต้านจุลินทรีย์ : Polyphenols มีคุณสมบัติในการต้านแบคทีเรีย เชื่อกันว่า polyphenols ทำลายเยื่อหุ้ม cell ของแบคทีเรีย การดื่มชาสามารถใช้รักษาโรคท้องร่วง และโรค typhus (Shetty et al, 1994) catechins สามารถฆ่า spores ของ Clostridium botulinum ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษ และยังสามารถฆ่าแบคทีเรียที่ทนความร้อน เช่น Bacillus subtilis, B. cereus, Vibrio parahaemolyticus และ C. perfringens (Chou et al, 1999)
7. คุณสมบัติต้านโรคอ้วน : Polyphenols สามารถยับยั้ง catechol-O-methyl transferase จึงช่วยกระตุ้นการสร้างความร้อนของร่างกาย ซึ่งช่วยเผาผลาญพลังงานและช่วยการจัดการกับโรคอ้วน (Baldessarini and Greiner, 1973) ทั้งยังมีคุณสมบัติในการชะลอการปล่อย glucose สู่กระแสเลือด ดังที่กล่าวมาแล้วในเรื่องคุณสมบัติต้านโรคเบาหวาน ซึ่งทำให้ชะลอการสร้าง insulin ซึ่งเป็น hormone ที่ส่งเสริมให้ร่างกายสะสมไขมัน ดังนั้น ร่างกายจึงเผาผลาญไขมันแทนที่จะสะสมไขมัน
การศึกษาอีกด้านของมหาวิทยาลัย Hokkaido University ในหนูทดลอง แสดงให้เห็นว่า Fucoxanthin สารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาล จะช่วยการเผาผลาญไขมันที่อยู่ในเซลล์ ที่เป็นไขมันขาว ( White adipose tissue ) และมีการศึกษากับคนไข้ผู้หญิงที่มีประวัติโรคตับ โดยใช้ตัวยาที่มีส่วนผสมของ Fucoxanthin ผสมกับ เมล็ดทับทิมสกัด ( pomegranate seed oil ) พบว่าผู้หญิงที่อ้วน น้ำหนักจะลดลงเฉลีี่ย 4.9 กิโลกรัม ( 11 ปอนด์ ) ในเวลา 16 สัปดาห์
สนใจผลิตภัณฑ์ Neocell Collagen ราคาปลีก หรือ ราคาส่ง
คุยง่ายๆ ติดต่อเรา 088-2908210 คุณกุ๊กไก่
Super COLLAGEN + VITAMIN C – 6000MG 350 Tablets
ราคาพิเศษ 1100 บาท
คอลลาเจนไฮโดรไลซ์ มารตรฐาน USA และ EU ดูแลเรื่องผิวหนัง ให้กระชับเต่งตึง เพิ่มความแข็งแรงของ ผม เล็บ กล้ามเนื้อ เอ็นและกระดูก
*************************************************************
ขนาดรับประทานครั้งละ1- 3 เม็ด / วัน เช้า-เย็น ก่อนอาหารหรือตอนท้องว่าง
*************************************************************
ประโยชน์ของคอลลาเจน
- ช่วยให้ผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้น
- ช่วย เสริมความเรียบตึงให้กับผิวหนัง
- ช่วยทำให้ ผิวดูเรียบเนียนกระชับ
- ช่วยเสริมสร้างความ แข็งแรงของชั้นผิวหนังและเสริมให้กระดูกแข็งแรง
การสูญเสีย คอลลาเจน (collagen)
น่าเสียดายที่เราพบข้อเท็จจริงว่าคนเราเมื่อ มีอายุ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจน (collagen) จะเริ่มเสื่อมสภาพลงเพราะอัตราการสังเคราะห์ คอลลาเจน (collagen) ใต้ผิวหนังในชั้นหนังแท้จะลดลงถึง 1.5% ต่อปีและเป็นความโชคร้ายที่จะเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหรือที่เป็นปัญหา เรื่องแก่ก่อนวัยของสาวๆ ซึ่งอัตราการลดลงของ คอลลาเจน (collagen) ในผิวหนังนั้นจะมีผลให้ผิวพรรณค่อยๆ สูญเสียความชุ่มชื้น ยุบตัวลง ผิวที่เคยสวยเต่งตึงก็จะเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและสัญญาณของความร่วงโรยจะ ค่อยๆ เริ่มขึ้นเมื่ออายุ 30 ปีผิวจะเริ่มหย่อนคล้อยยิ่งอายุเพิ่มขึ้นสัญญาณของความร่วงโรยก็จะเพิ่มเป็น เงาตามตัว
อัตราการเริ่มสูญเสียคอลลาเจน (collagen) เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป
- อายุ 30-39 ปี ผิวจะเริ่มมีรอยย่นบางๆ ทอดยาวบริเวณหน้าผาก มีริ้วรอยเล็กๆ ใต้ขอบตาล่างและหางตาจะเห็นชัดเวลายิ้มและมีรอยย่นตรงระหว่างคิ้วซึ่งจะเห็น ชัดเวลาหน้านิ่ว มีริ้วรอยบางๆ ที่ร่องแก้มจากจมูกจนถึงเหนือริมฝีปาก อาจเกิดไฝ กระ ฝ้าทั้งแบบลึกและตื้นขนาดของรูขุมขนจะเห็นชัดขึ้น
- อายุ 40-49 ปี รอยย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ใต้ขอบตาล่างและหางตาเห็นชัดเจนมากขึ้น รอยย่นข้างแก้ม และร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนจดมุมปาก มีฝ้าชนิดลึกมากขึ้นสภาพผิวเริ่มแห้งมีรูขุมขนใหญ่และเริ่มจะเป็นสิวอีก ครั้ง มีติ่งเนื้อขึ้นกระจัดกระจายเป็นตุ่มเล็กๆ สีน้ำตาลภาวะนี้เรียกว่าวัยเริ่มตกกระ
- อายุ 50-64 ปี ผิวจะมีสภาพเหมือนกับวัย 40-49 ปี แต่จะมีรอยย่นตามร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนถึงบริเวณใต้มุมปาก มีฝ้าเกิดขึ้นและติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น
- อายุ 65 ปี ขึ้นไปผิวหนังหยาบกร้าน มีริ้วรอยทั่วหน้า ริมฝีปากบางมีรอยย่นเหนือริมฝีปาก ส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ คล้ายกับวัย 50-64 ปี
ดังนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นกับ ทุกคนโดยที่เราไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่เราสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของผิวพรรณและรักษาผิวไว้ให้ดูดีให้นานที่ สุดได้เช่นเดียวกัน โดยการใช้ สารสกัดโปรตีน คอลลาเจน (collagen) เพื่อทดแทน คอลลาเจน (collagen) ที่สูญเสียไป
บุคคลใดควรรับประทาน คอลลาเจน (collagen)
คอลลาเจน (collagen) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความอ่อนเยาว์และบำรุงผิวพรรณที่ถูกทำลายหรือ เสื่อมสภาพลงเนื่องจากวัยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหญิงและชายที่มีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไปและควรศึกษาคำเตือนบนฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ก่อนการรับประทาน
……………………………………………………………………………………………………………..
มิติใหม่ของการนำ Collagen มาใช้ประโยชน์
โดย ภก.ประวิทย์ ตันติสุวิทย์กุล
ที่ปรึกษาองค์การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการสาธารณสุข
ที่มา : วารสารสมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย) ฉบับที่ 27 สิงหาคม 2549
Collagen ก็คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบเป็นกรด amino ชนิดที่แตกต่างจากโปรตีนอื่นๆ ของร่างกาย มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก ซึ่งหมายถึง “กาว” โดยคนในยุคนั้นนิยมนำหนังสัตว์ไปเคี่ยว เพื่อให้ได้กาวเหนียวๆนี้มาใช้งาน
Collagen เป็นโปรตีนธรรมชาติในร่างกาย มีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ proteoglycan และ glycosamionglycans จัดเป็นโปรตีนเนื้อเยื่อเส้นใยชนิดหนึ่งที่มีความยืดหยุ่น เรียกว่า elastic fiber ซึ่งประกอบไปด้วย amino acid หลายชนิด ที่สำคัญ ได้แก่ glycene prolene และ hydroxyprolene ที่มีความสำคัญยิ่งต่ออวัยวะต่างๆ ในร่างกายมากมาย เช่น กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก กระดูกอ่อน ข้อ เหงือก ฟัน ตา หลอดเลือด ผิวหนัง และเนื้อเยื่อที่เกี่ยวกับการยึดเหนี่ยว (ligaments)
Collagen นี้จะช่วยให้โครงสร้างของร่างกายแข็งแรง มีหน้าที่ในการป้องกันอวัยวะต่างๆในร่างกาย และเชื่อมอวัยวะต่างๆให้อยู่ด้วยกัน ทำให้มีความยืดหยุ่นดี เช่น ช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ขยับหรือเคลื่อนไหวไปมาไม่ติดขัด โดยเฉพาะจำเป็นต่อเนื้อเยื่อของกระดูกอ่อนบริเวณข้อในการรับน้ำหนักและขยับ เคลื่อนไหวไปมาในอิริยาบถต่างๆ เช่น เดินหรือวิ่ง เป็นต้น โดยในร่างกายของคนเราพบว่ามีโปรตีนอยู่มากมาย แต่มีประมาณ 33% ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกายจะเป็น collagen และยังเป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ 75 ของผิวหนัง จึงเป็นตัวที่ช่วยให้ผิวหนังหรือผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้น นุ่มนวล ดูสดใส กระชับและเต่งตึงขึ้น ซึ่ง collagen ที่พบในส่วนของผิวนี้จะพบที่ชั้นหนังแท้ (dermis) ซึ่งเป็นผิวชั้นที่ 2 ที่อยู่ใต้ชั้นหนังกำพร้าและเป็น collagen ชนิดที่ 1,3 และ 4 แต่ถ้าเป็นชนิดที่พบในกระดูกอ่อนตรงข้อ จะเป็น collagen ชนิดที่ 2
ระดับของปริมาณ collagen ในร่างกายจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น คือ เมื่ออายุย่างเข้า 30 ปี อัตราการสร้างหรือสังเคราะห์ collagen จะเริ่มลดลงปีละ 1.5% ในทุกๆปี และจะเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเมื่อระดับของ collagen ลดลง ก็จะทำให้ความยืดหยุ่นและสภาพความแข็งแรงของโครงสร้างอวัยวะต่างๆของร่าง กายลดลงด้วย ช่วงที่ collagen ในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ร่างกายก็จะเริ่มสูญเสียความแข็งแรงของผิวหนัง กระดูก กระดูกอ่อน ตรงข้อต่อ ที่เป็นสามเหตุของปัญหาโรคข้อเสื่อมตามมา จนเกิดปัญหาปวดข้อ ข้อฝืด ข้อแข็ง ข้อผิดรูป และข้ออักเสบ เป็นต้น ในส่วนของผิวหนังก็จะเกิดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น และรอยตีนกาเกิดขึ้น
ในเวลาต่อมาจึงได้มีการนำสารสกัด collagen มาใช้ประโยชน์ในรูปของ collagen hydrolysate คือ มีชนิดที่สกัดมาเพื่อใช้สำหรับบำรุงผิว ลดริ้วรอยต่างๆ กับอีกชนิดหนึ่งที่สกัดมาเพื่อใช้สำหรับบำรุงข้อ ซึ่งทั้ง 2 ชนิดนี้จะแตกต่างกัน โดยได้มีการศึกษา ค้นคว้า และทดลองสกัดสาร collagen ชนิดที่ 2 จากกระดูกอ่อนของหมูในรูปของผง แล้วนำมาใช้ประโยชน์ในโรคข้อเสื่อม ผลก็คือเมื่อให้รับประทานวันละ 10 กรัม เป็นเวลา ต่อเนื่องกัน 3 เดือนขึ้นไป พบว่าไม่เพียงแต่ collagen hydrolysate จะสามารถเข้าไปทดแทนในเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนได้ ยังมีคุณสมบัติไปกระตุ้นให้มีการสังเคราะห์ collagen type 2 ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในกระดูกอ่อนตรงข้อต่อเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย พร้อมๆกับอาการปวดข้อและข้อยึดนั้นลดน้อยลงได้ เมื่อรับประทาน collagen hydrolysate ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ขึ้นไป คือ จะช่วยทำให้การเคลื่อนไหวของข้อดีขึ้น นอกเหนือจาก collagen hydrolysate ช่วยลดปัญหาเรื่องข้อเสื่อมได้แล้ว ยังมีประโยชน์ในผู้ที่มีปัญหาเรื่องกระดูก เช่น ในผู้หญิงวัยทองที่จำเป็นจะต้องเสริม calcium และจำเป็นต้องใช้ยาที่ป้องกันการสลายตัวของ calcium จากกระดูกพบว่า collagen มีส่วนช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น และลดการสลาย calcium จากกระดูกได้ดีกว่าการใช้ยา
แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงเป็นมิติใหม่อีกมิติหนึ่งของการนำ collagen hydrolysate มาใช้ประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องของข้อเสื่อมนอกเหนือจากเรื่องของผิวได้
ดังนั้น การที่จะรับประทาน collagen hydrolysate ชนิดไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ว่าจะใช้ประโยชน์กับส่วนไหน เช่น ผิว หรือ ข้อ เพราะจะเป็น collagen ที่แตกต่างกัน เนื่องจากที่ผิวหนังจะเป็น collagen ชนิดที่ 1 ,3 และ 4 ส่วนที่ข้อจะเป็นชนิดที่ 2 อีกทั้งส่วนประกอบสำคัญของข้อ จะแตกต่างจากผิวและอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย คือ จะประกอบไปด้วยน้ำ 60% proteoglycan 10% และ collagen ชนิดที่ 2 30% รวมทั้งจะแตกต่างกันทั้งขนาดและปริมาณที่จะรับประทานเพื่อให้เกิดผลตามที่ ต้องการด้วย
ปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนา collagen hydrolysate ในรูปแบบที่รับประทานง่าย และมีรสชาติอร่อย เช่น นำมาทำเป็นผงไว้ชงดื่ม และให้ละลายง่ายในน้ำเย็น เป็นต้น ซึ่งในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกาและเยอรมันนี ผู้สูงอายุต่างก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยให้มีคุณชีวิตที่ดีขึ้น อันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ในเรื่องของปัญหาข้อเสื่อม กับการเลือกรับประทาน “ Collagen” ซึ่งเป็นสารอาหารอย่างหนึ่งที่มิใช่ยา แต่มีคุณค่าและประโยชน์ต่อโรคข้อเสื่อได้ ทำให้ลดการใช้ยาแก้ปวด และยาต้านการอักเสบ รวมทั้งทำให้การเคลื่อนไหวของข้อดีขึ้น ผลก็คือ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ติดต่อสอบถาม
ราคา NEOCELL COLLAGEN
About Us
Beauty Bursts – Soft Chews
Collagen + C Pomegranate liquid
Collagen Plus C&E Liposome Radiance Serum 30 ml
Collagen Refreshing Herbal Mist 30 ml
Collagen Sport Ultimate Recovery Complex
Contact Us
Fish Collagen + HA Neocell
Howtoorder
Hyaluronic Acid 100 mg
Hyaluronic Acid Blueberry Liquid 16 oz.
Hydra + Hyaluronic Acid Liposome Serum 30 ml
Keratin Hair Volumizer
Neocell Collagen Beauty Builder
NEOCELL COLLAGEN PRODUCTS
NEOCELL SUPER COLLAGEN POWDER 6600 MG
Pomeganate from seed
Resveratrol 100 mg
SET PROMOTION
Super Collagen + C 6000 mg
Super COLLAGEN + VITAMIN C – 6000MG 120 Tablets
Super COLLAGEN + VITAMIN C – 6000MG 350 Tablets
ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด
-
-
Collagen + C Pomegranate liquid 16 oz. - Collagen + C Pomegranate liquid 16 oz.( Neocell ) *1450 บาท* *คอลลาเจนสูตรน้ำ ที่ผสมผสานกับสารสกัดจากเมล็ดทับทิม คุณภาพคับแก้วระดับโลก จนได้รับเครื่องหมายก...
-
Neocell Super Collagen Powder 6600 mg - Neocell Super Collagen Powder 6600 mg Type I & III ขนาด 7 oz. ( Neocell ) *ราคา 750 บาท ( มีโปรโมรชั่นซื้อ 2 แถม 1 )* ที่สุดแห่งคอลลาเจน คุณภาพระดับโลก บำรุง...
-
Collagen Sport Ultimate Recovery Complex - Collagen Sport Ultimate Recovery Complex 1.49lbs ( Neocell )*ราคา 1450-* *ฟิต แอนด์ เฟริม ด้วยคอลลาเจน สูตรเวย์โปรตีน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ให้แข็งแรง นักเพ...
-
Keratin Hair Volumizer - Keratin Hair Volumizer / 60 Capsules ( Neocell )*850 บาท* *บำรุงเส้นผม และดูแลให้ผมสวยเงางามอย่างแท้จริง ด้วยสิทธิบัตรการดูแลเส้นผมด้วยโปรตีนของสารสกัดจากคอ...
-
Neocell Collagen Beauty Builder - *Neocell Collagen **Beauty Builder *ราคาพิเศษ 800 บาท*ผลิตภัณฑ์ที่ช่วย ชะลอริ้วรอยแห่งวัย ปรับสภาพผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีความหยืดหยุ่นและชุ่มชื้น บำรุงผม ...
-
Super Collagen + C 6000mg - Super Collagen + C 6000mg /250 tabs ( Neocell )ราคาพิเศษ 850 บาท *คอลลาเจนไฮโดรไลซ์ มารตรฐาน USA และ EU ดูแลเรื่องผิวหนัง ให้กระชับเต่งตึง เพิ่มความแข็งแรง...
-
Hydra + Hyaluronic Acid Liposome Serum - Hydra + Hyaluronic Acid Liposome Serum 30 ml ( Neocell )*ราคา 1100* *ซีรัมบำรุงผิวหน้า กระชับรูขุมขน เทคโนโลยีแบบ Nano Loposome + กรด HA เพิ่มความชุ่มชื้นกั...
-
NEOCELL COLLAGEN PRODUCTS - NEOCELL COLLAGEN PRODUCTS Neocell Super Collagen Powder 6600 mg Type I & III ขนาด 7 oz. ( Neocell ) Collagen Beauty Builder 150 Tablets ( Neocell ) Super Col...
-
ต้องการสั่งสินค้า
ผลิตภัณฑ์ Neocell Collagen
ของแท้ 100 % นำเข้าจากอเมริกา
หรือผลิตภัณฑ์อื่น
ติดต่อเราโดยตรง
โทร 088-2908210 กุ๊กไก่
ADD LINE : 088-2908210 ( kai.donya )
ผลิตภัณฑ์ Neocell Collagen
ของแท้ 100 % นำเข้าจากอเมริกา
หรือผลิตภัณฑ์อื่น
ติดต่อเราโดยตรง
โทร 088-2908210 กุ๊กไก่
ADD LINE : 088-2908210 ( kai.donya )
หรือติดต่อเวบไซด์หลัก www.goodern.com
E-mail : goodern@goodern.com หรือ vitaminexim@gmail.com
พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ ราคาปลีก –ส่ง
ถูกใจแน่นอนไม่ต้องเสียเวลาหาจากที่อื่น